ดนตรีไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศพม่า)
ดนตรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (The
Association of South East Asian Nations) หรืออาเซียนที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้น
ในอดีตนั้นต่างมีวัฒนธรรมที่ถูกถ่ายเทกันมาตลอดเวลาอันยาวนาน วัฒนธรรมดนตรีจึงมีความคล้ายคลึงกันแต่จะมีเอกลักษ์ความแตกต่างกันไป
ตามบริบทของแต่ละประเทศ ซึ่งมีการแตกแขนงวิชาดนตรีออกไปอีกมากมาย แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของดนตรีไทยมากขึ้น
ในบทนี้จึงได้จัดทำการเปรียบเทียบ ระหว่างดนตรีไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้เห็นชัดเจนมากขึ้น
ด้วยเหตุที่ประเทศเพื่อนบ้านมีวัฒนธรรม
และวิถีชีวิตการเป็นอยู่ที่คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมไทย เช่น ประเพณี ศาสนา การดนตรีนาฏศิลปและศิลปกรรมต่างๆ
เพื่อศึกษาความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมดนตรีของไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจึงได้แสดงให้เห็นถึง
ความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่างดนตรีไทยกับประเทศเพื่อนบ้านไว้เป็นกรณีศึกษาต่อๆไป
ดนตรีในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านนั้น
มีความคล้ายคลึงกันมากเนื่องจากประเทศต่างๆโดยรอบประเทศไทย เช่น ลาว พม่า กัมพูชา
และมาเลเซีย ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับไทยทั้งสิ้น
ด้วยเหตุที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ จึงก่อให้เกิดเส้นทางแห่งวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่มาเป็นเวลาหลายพันปี
เพื่อเป็นการบงบอกเอกลักษ์ของดนตรีไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง และความคล้ายคลึงของวัฒนธรรมดนตรี
ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ในที่นี้จะขออธิบายแตกต่างและความคล้ายคลึงของวัฒนธรรมดนตรีที่ใกล้เคียงกับของดนตรีของไทย
เพื่อความเขาใจในจุดเด่นและพัฒนาการของดนตรีไทยมากขึ้น จะขอนำเสนอเนื้อหาดังต่อไปนี้
ประเทศพม่า
ชาวพม่าแท้ อพยพมาจากธิเบต เป็นชนเผ่ามองโกล
อพยพมาตามลุ่มน้ำพรหมบุตร เข้าสู่แคว้นอัสสัม
และตั้งถิ่นฐานอยู่ตามลุ่มแม่น้ำอิรวดีตอนกลาง กลายเป็นชาวพม่าในปัจจุบัน ถ้าจะพูดถึงประเทศพม่า เราก็คงรู้จักชาวมอญกันเป็นอย่างดีเพราะชาวมอญนั้นในอดีตเคยมีความยิ่งใหญ่และมีความเจริญทางวัฒนธรรมมากในดินแดนของพม่าในปัจจุบัน มอญ
หรือตะเลง เป็นเชื้อสายเดียวกับขอม หรือเขมร อพยพมาจากจีนตอนใต้
เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ตามที่ราบต่ำ แถบปากน้ำอิรวดี แม่น้ำสะโตง และแม่น้ำสาละวิน
เมืองหลวงเดิมชื่อ สะเทิม เคยมีอำนาจรุ่งเรืองมาก่อน
มอญได้สร้างเจดีย์ชเวดากองที่เมืองย่างกุ้ง มอญถูกพม่าแท้รุกรานอยู่ตลอดเวลา
มอญเคยมีอำนาจรุ่งเรือง และเคยปกครองภาคใต้ของพม่าได้ทั้งหมด
โดยมีกรุงหงสาวดีเป็นราชธานี ต่อมาในปี พ.ศ.๒๒๔๙ มอญพ่ายแพ้พม่าอย่างยับเยิน
จนแตกกระจัดกระจายลงไปทางใต้ และอพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นจำนวนมาก มอญเป็นชนชาติรักสงบมีภาษาของตนเองและมีวัฒนธรรมสูง
ปัจจุบันมอญได้กลายเป็นพม่าไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
เพราะมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน มนุษย์ในตระกูลมอญเขมรเป็นพวกใหญ่และในสมัยโบราณซึ่งอารยธรรมที่มีความเจริญอยู่ในระดับสูงในช่วงนั้น
มีอยู่ 2 ชาติ คือ มอญ
และขอม วัฒนธรรมทั้งสองชาตินี้ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมในดินแดนนี้เป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าชาติมอญจะสิ้นชาติเอกราชไปแล้วก็ตาม
แต่เราก็รู้จักมักคุ้นกับชาวมอญกันมาเป็นเวลายาวนานมากแล้ว เพราะมอญเป็นชนชาติเก่าแก่
มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากชนชาติหนึ่ง จากพงศาวดารพม่ากล่าวว่า "มอญเป็นชนชาติแรกที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพม่า
มาเป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนคริสตกาล" คาดว่าน่าจะอพยพมาจากตอนกลางของทวีปเอเชีย เข้ามาตั้งอาณาจักรของตนทางตอนใต้ บริเวณลุ่มแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำสะโตง ซึ่งบริเวณนี้ในเอกสารของจีน และอินเดียเรียกว่า
"ดินแดนสุวรรณภูมิ" ศิลปวัฒนธรรมมอญนั้น
กลายเป็นศิลปวัฒนธรรมของพม่าไปหมด ศิลปวัฒนธรรมส่วนใหญ่นั้น
พม่าได้รับไปจาก"มอญ"เป็นส่วนมาก ร่วมถึงในเรื่องของวัฒนธรรมดนตรีเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือประเทศพม่าล้วนแล้วแต่
ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมมอญทั้งสิ้น ศิลปะการดนตรี
นั้น ไทยได้รับอิทธิพลจาก"มอญ"มามากเช่นกัน เช่น ไทยเรารับ"ปี่พาทย์มอญ" และรับได้ดีทั้งรักษาไว้จนปัจจุบัน
และให้เกียรติ์เรียกว่า ปี่พาทย์มอญ และนิยมบรรเลงในงานศพ ดนตรีไทยที่มีชื่อเพลงว่า มอญ มีมากมายเช่น มอญดูดาว
มอญชมจันทร์ มอญรำดาบ มอญอ้อยอิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมี มอญร้องไห้ มอญนกขมิ้น ฯลฯ
และยังมี"แขกมอญ" คือ ทำนองทั้งแขกทั้งมอญ เช่น แขกมอญบางขุนพรหม
แขกมอญบางช้าง เป็นต้น เพลงทำนองของมอญ มีความสง่าภาคภูมิ เป็นผู้ดีมีวัฒนธรรม
และค่อนข้างจะเย็นเศร้า ซึ่งเป็นลักษณะของผู้มีวัฒนธรรมสูง
ย่อมสงวนทีท่าบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่สนุกสนานก็มีบ้าง เช่น กราวรำมอญ มอญแปลง ฯ ส่วนเครื่องดนตรีประเภทให้จังหวะ
คือ กลอง ที่เรียกว่าเปิงมาง นั้น คาดว่าเป็น"มอญ" ไทยเรานำมาผสมวง
ทำคอกล้อม เป็นวงกลมหลายวง เรียกว่า เปิงมางคอก ตีแล้วฟังสนุกสนาน
ในส่วนวัฒนธรรมดนตรีของมอญที่ซึมซับเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของชาวพม่าที่เห็นชัดๆก็เห็นจะเป็นวง
“ซายวาย” วงซายวายเป็นวงดนตรีพื้นเมืองวงใหญ่สุดของพม่า
เครื่องดนตรีสำหรับวงซายวาย มี ๑๒
ชิ้นเป็นอย่างน้อย มีทั้งเครื่องหนัง เครื่องโลหะ และเครื่องไม้ เป็นวงดนตรีที่มีเฉพาะเครื่องตีและเครื่องเป่า
ไม่มีเครื่องสี เครื่องดนตรีทั้ง ๑๒ ชิ้นในวงซายวาย ได้แก่
เปิงมางคอก กลองใหญ่ กลองสั้น ตะโพน กลองชุดหกใบ ฆ้องวง ฆ้องแผง ฉิ่ง ฉาบ เกราะ
กรับไม้ไผ่ และปี่แน
หากเปรียบวงซายวาย กับวงปี่พาทย์มอญในไทย และของล้านนาแล้ว
นับว่ามีความแตกต่างในส่วนของเครื่องดนตรีประกอบวงอยู่บ้าง ในหนังสือ
"ดนตรีไทย โครงสร้าง อภิธานศัพท์และสารสังเขป" กล่าวถึงวงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ในไทยว่า
ประกอบด้วย เครื่องดนตรี ๑๔ ชิ้น คือ ปี่มอญ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดเอกเหล็ก
ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงกลาง ฆ้องวงเล็ก ตะโพนมอญ เปิงมางคอก ฉิ่ง
ฉาบใหญ่ ฉาบเล็ก โหม่ง(ฆ้องราว) สำหรับวงซายวายของพม่านั้น ถือเอาปัตวายหรือเปิงมางคอกเป็นตัวชูโรง
มีเสียงปี่แนเป็นตัวเสริม และวงปี่พาทย์พม่าไม่มีระนาดร่วมเล่นอย่างวงปี่พาทย์มอญของไทย
ที่จริงพม่าก็มีระนาด แต่จัดเป็นเครื่องดนตรีมอญ
พม่านิยมเล่นระนาดในการแสดงที่เรียกว่า อะเญ่ง ซึ่งมีจังหวะนุ่มนวล และไม่ดังอึกทึกอย่างวงซายวาย อะเญ่งจัดเป็นการแสดงแบบแชมเบอร์มิวสิค ในขณะที่ซายวายเป็นวงดนตรีแบบออเครสต้า ทั้งอะเญ่งและซายวายต่างเป็นการแสดงในราชสำนัก
และจากการที่ซายวายเป็นวงดนตรีที่มีเสียงดังกระหึ่ม
จึงเหมาะที่จะแสดงกลางแจ้งหรือในห้องโถง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น